เลือกลิฟท์โดยสารอย่างไร ให้เหมาะสมกับอาคารสูงแต่ละประเภท

แนะนำ 3 หลักการเลือกใช้ลิฟท์โดยสาร ภายในอาคารสูงประเภทต่าง ๆ

เชื่อว่าสำหรับเจ้าของอาคารสูงต่าง ๆ หรือคนที่กำลังจะสร้างอาคารสูงอย่าง อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลและโรงแรมต่าง ๆ ต้องเล็งเห็นถึงความสำคัญของการติดตั้งลิฟท์โดยสารอย่างแน่นอน เพราะเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อผู้พักอาศัยและผู้ที่เข้ามาใช้บริการในพื้นที่ของเราเป็นอย่างมาก หากขาดลิฟท์โดยสารไป นอกจากจะเพิ่มความลำบากให้กับผู้ใช้งานแล้ว ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์อาคารและธุรกิจของคุณอีกด้วย หรือจะเรียกว่าเป็นการด้อยคุณภาพของอาคารตัวเองเลยก็คงไม่เกินจริงเช่นกัน ด้วยเหตุนี้การสร้างอาคารสูงจึงต้อง คำนึงถึงการเลือลิฟท์โดยสารเข้ามาด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นอาคารสูงเหมือน ๆ กัน มีจำนวนชั้นเท่า ๆ กัน แต่ก่อนที่จะทำการติดตั้งลิฟท์โดยสาร ทุกคนจำเป็นต้องพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัยให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะอาคาร หรือสถานที่แต่ละแห่งนั้น มีเกณฑ์ในการเลือกลิฟท์ให้เหมาะสมแตกต่างกันนั่นเอง เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถคำนวนและเข้าใจวิธีการเลือกลิฟท์โดยสารให้เหมาะสมกับอาคารสูงแต่ละประเภทได้อย่างคล่องแคล่ว บทความนี้ JK ELEVATOR จะมาบอกถึง 3 หลักการเลือกใช้ลิฟท์โดยสาร ภายในอาคารสูงประเภทต่าง ๆ ให้ทุกคนได้ฟังกัน

1. ขนาดของลิฟท์โดยสาร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ขนาดของลิฟท์โดยสารนั้นเป็นสิ่งแรกที่เจ้าของอาคารสูงประเภทต่าง ๆ ต้องคำนึงถึง เนื่องจากการติดตั้งลิฟท์โดยสารสำหรับอาคารสูงนั้นแตกต่างจากการติดตั้งลิฟท์บ้าน (home lift) ลิฟท์ส่งของ ลิฟท์ขนของ หรือลิฟท์ส่งอาหาร ที่มีลักษณะสิ่งของที่ต้องขนส่งแบบตายตัวและมีผู้ใช้งานพร้อมกันจำนวนไม่มาก ทำให้สิ่งที่ต้องกังวลเกี่ยวกับลิฟท์เหล่านี้ น่าจะเป็นเรื่องของราคาลิฟท์บ้านว่าจะแพงมากเกินไปหรือเปล่า มากกว่าการกังวลเรื่องของขนาดลิฟท์แบบอาคารสูง โดยเหตุผลที่ขนาดลิฟท์โดยสารเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอาคารสูง มาจากจำนวนผู้ใช้งานพร้อมกัน ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือโรงแรม การติดตั้งลิฟท์ให้สามารถบรรจุคนได้เป็นจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะยิ่งขนส่งได้รวดเร็วเท่าไร ก็จะส่งผลต่อความพึงพอใจของผู้ใช้งานมากเท่านั้น นอกจากนี้การเลือกลิฟท์โดยสารขนาดใหญ่ยังช่วยอำนวยความสะดวกเมื่อผู้ใช้งานต้องการขนสินค้าที่พวกเขาจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ของเรา สามารถขนกระเป๋าเดินทางได้ หรือสามารถขนผู้ป่วยบนรถเข็นวีลแชร์ หรือเตียงพยาบาลได้อีกด้วย สำหรับขนาดลิฟท์ที่แนะนำมีดังนี้

2. จำนวนลิฟท์โดยสาร

บางครั้งแค่ลิฟท์ขนาดใหญ่และบรรจุคนได้เยอะเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากการใช้ลิฟท์โดยสารย่อมต้องมีการหยุดจอดเพื่อส่งคนในแต่ละชั้น ทำให้คนที่รอตามชั้นต่าง ๆ ต้องรอนานมากกว่าจะลิฟท์จะวนมาถึงรอบของตน ดังนั้นอาคารสูงหลาย ๆ แห่งอย่างโรงแรม โรงพยาบาลและคอนโดมิเนียม ควรมีลิฟท์โดยสารมากกว่าหนึ่งตัว แน่นอนว่าพอเราบอกเงื่อนไขแบบนี้ออกไป หลาย ๆ คนก็จะเกิดคำถามตามมาอีกว่า แล้วหลายตัวที่ว่าต้องกี่ตัวกันแน่? แล้วจะใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกดี? หากใครกำลังสงสัยแบบนี้อยู่ เราขอแบ่งวิธีคิดจำนวนลิฟท์โดยสารออกเป็น 3 แบบง่าย ๆ โดยยึดเกณฑ์จากอาคารสูงที่มีจำนวนห้อง หรือจำนวนคนพักอาศัยชัดเจน ซึ่งสามารถคำนวณได้ดังนี้
อาคารที่พักอาศัย/คอนโดมิเนียม: ควรติดตั้งลิฟท์โดยสาร 80 – 100 ห้อง/เครื่อง หมายความว่า ถ้ามีถึง
160 – 200 ห้องก็ติดตั้ง 2 เครื่องเป็นต้น
โรงแรม: ควรติดตั้งลิฟท์โดยสาร 100 – 140 ห้อง/เครื่อง หมายความว่า ถ้ามีถึง 200 – 280 ห้องก็ติดตั้ง 2 เครื่องเป็นต้น
โรงพยาบาล: ควรติดตั้งลิฟท์โดยสาร 100 – 150 เตียง/เครื่อง หมายความว่า ถ้ามีถึง 200 – 300 เตียงก็ติดตั้ง 2 เครื่องเป็นต้น

3. ความเร็วของลิฟท์โดยสาร

อย่างที่เราเคยพูดกันไปว่าลิฟท์โดยสารนั้นแตกต่างจากลิฟท์ในบ้าน หรือลิฟท์ประเภทอื่น ๆ เนื่องจากลิฟท์ประเภทอื่น ๆ มีการขนส่งน้อยชั้นกว่า ส่งผลให้คนที่ต้องการติดตั้งลิฟท์เหล่านั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของความเร็วลิฟท์ เท่ากับคนที่ต้องการติดตั้งลิฟท์โดยสารสำหรับอาคารสูง ดังนั้นปัจจัยข้อต่อไปที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญต่อการเลือกลิฟท์โดยสาร ก็คือเรื่องของความเร็วนั่นเอง เพราะอาคารสูงจำเป็นต้องเคลื่อนที่ไปหลายชั้นและรับคนในปริมาณมาก หากเลือกความเร็วที่ไม่สมดุลกับความสูงของอาคาร ย่อมส่งผลให้การขนส่งผู้โดยสารไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร โดยเราสามารถเลือกความเร็วของลิฟท์ตามจำนวนชั้นได้ดังนี้

  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 4 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 45 – 60 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 6 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 60 – 90 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 9 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 90 – 105 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 10 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 105 – 120 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 20 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 120 – 150 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 30 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 150 – 210 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 40 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 210 – 360 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 50 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 360 – 420 เมตร/นาที
  • ลิฟท์โดยสารสำหรับ 60 ชั้น: ควรเลือกลิฟท์ที่สามารถใช้ความเร็วได้ 420 – 600 เมตร/นาที

ทั้งหมดนี้คือ 3 หลักการเลือกใช้ลิฟท์โดยสาร ภายในอาคารสูงประเภทต่าง ๆ ที่ JK ELEVATOR รวบรวมข้อมูลมาฝากทุกคน เชื่อว่าตอนนี้คนที่กำลังคิดจะเลือกลิฟท์โดยสารเพื่อติดตั้งในอาคารสูงประเภทต่าง ๆ คงจะทราบแล้วว่าต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้างและมีเกณฑ์การเลือกลิฟท์โดยสารแบบใด

สำหรับองค์กร หรือบริษัทใดที่กำลังมองหาบริษัทรับติดตั้งลิฟท์โดยสาร ลิฟท์ขนของ ลิฟท์ส่งของ ลิฟท์ส่งอาหาร หรือลิฟท์บ้าน ราคาย่อมเยาที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและความปลอดภัย บริษัท เจเค คอนซัลท์เซอร์วิส ซีสเต็ม จํากัด ยินดีให้บริการทุกท่าน พร้อมรับประกันคุณภาพด้วยทีมงานมืออาชีพที่คอยดูแลทุกท่านแบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการจำหน่าย การติดตั้ง และการซ่อมลิฟท์ ครบจบในที่เดียว


สนใจติดตั้งลิฟท์โดยสาร ลิฟท์ในบ้าน ลิฟท์ขนของ ลิฟท์ส่งของ พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษได้ที่

โทรศัพท์ : 02-9489112, 081-644-6198, 094-665-6495, 089-785-5557
LINE : https://line.me/ti/p/~0816446198
E-mail : ittikorn.jkelevator@gmail.com
E-mail : natchuda.jkelevator@gmail.com